แบรนด์หรูล้วนมีการแข่งขันกันสูงมากในทุก ๆ ปีทำให้แต่ละแบรนด์เร่งแข่งขันกันผลิตกระเป๋ารุ่นใหม่ออกมาเพื่อที่จะจับใจผู้บริโภคให้แบรนด์ของตนได้รับกระแสตอบรับที่ดีที่สุด และตอนนี้ก็ผ่านมาถึงครึ่งปีแล้ว แบคนิฟิคจึงขอสรุปรวมเหล่ากระเป๋า 5 รุ่นขายดีประจำร้าน มาให้ทุกท่านได้เลือกซื้อ เลือกตามเก็บกันค่ะ
Chanel Coco
หนึ่งในกระเป๋ารุ่นตำนานจากห้องเสื้อชั้นสูงอย่าง CHANEL โดยกระเป๋ารุ่นนี้มีชื่อเต็มว่า “Chanel Coco Top Handle Bag” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจาก Gabrielle Chanel หญิงสาวผู้เป็นต้นกำเนิดของห้องเสื้อ กระเป๋าใบนี้ได้ถูกเปิดตัวขึ้นครั้งแรกในคอลเลคชั่น Fall / Winter ปี 2015 ทันทีที่เปิดตัวก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและได้รับความนิยมจากเหล่าดาราดังหรือบุคคลทั่วไปที่เป็นสาวกตัวยงของแบรนด์จนขึ้นแท่น IT BAG หรือ 1 ในกระเป๋าที่ควรมีเก็บติดตู้ซักใบในทันที
ลักษณะของกระเป๋าคล้ายกับรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ผสมผสานกันระหว่างกระเป๋าอมตะของ CHANEL อย่าง Flap Bagและกระเป๋าใบใหญ่อย่าง Tote Bag บริเวณด้านหน้าของกระเป๋ามีโลโก้เอกลักษณ์ที่สำคัญของแบรนด์อย่างตัว C ไขว้ บริเวณผืนผิวตัดเย็บเป็นลวดลายเพชร หรือ Diamond Quilted ด้านบนกระเป๋ามีหูจับที่ทำจาก Calfskin และนอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่หูจับทำจากหนังตะกวด กระเป๋าใบนี้มีการผลิตออกมาถึง 4 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ Mini, Small, Medium และ Large สามารถเลือกซื้อได้ตามขนาดที่พอเหมาะกับตนเองได้เลย
DIOR SADDLE
กลับมาฮิตติดลมบนอีกครั้งกับกระเป๋าทรงรูปคล้ายกับอานม้า หรือที่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างว่าทรง Saddle กระเป๋าใบนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปี 1999 กับคอลเลคชั่น Spring/Summer 2000 ภายใต้การดูแลของครีเอทีฟไดเรคเตอร์อย่าง John Galliano (จอห์น กัลลิอาโน) ด้วยดีไซน์ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครทำให้กระเป๋าใบนี้ได้รับเสียงตอบรับที่น่าประทับใจพร้อมกับขึ้นแท่น IT BAG ภายในเวลาชั่วข้ามคืน และตอกย้ำความฮอตมากกว่าเดิมเมื่อนักแสดงสาวอย่าง ซาราห์ เจสสิกา พาร์กเกอร์ หนึ่งในผู้แสดงซีรีส์ชื่อดังในเวลานั้นอย่าง Sex And The City ได้หยิบ Saddle Bag มาใช้ ทำให้กระเป๋าใบนี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก
จวบจนปี 2018 ที่ DIOR ได้พาเราย้อนเวลาหยิบกระเป๋า Saddle Bag กลับมาปัดฝุ่นหวนกลับคืนรันเวย์และสู่สายตาสาธารณะชนอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี โดยวัสดุหลักของกระเป๋ารุ่นนี้จะเป็น Calfskin, Canvas และ Embroidery หรือผ้าพิมพ์ที่ตกแต่งด้วยการปัก บริเวณอะไหล่จะเป็นสีทองวินเทจที่จะมีเอกลักษณ์ตัว D ที่เป็นโลโก้ของแบรนด์ห้อยอยู่บริเวณด้านหน้าของกระเป๋า โดยรุ่นนี้จะผลิตออกมา 2 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ขนาด Mini และ Medium หรืออาจจะมีขนาดอื่นที่ทางห้องเสื้อ Dior ผลิตออกมาเพิ่มเติมตามแต่โอกาส และ Seasonal
Louis Vuitton Diane
กระแส Y2K กลับมา ก็ต้องนึกถึงกระเป๋ารุ่นนี้จาก LOUIS VUITTON เลยค่ะ DIANE เป็นกระเป๋าอีกรุ่นที่ฮอตฮิตไม่แพ้รุ่นอื่นด้วยดีไซน์ที่มีความวินเทจนิด ๆ มีความเรียบง่าย บวกกับการใช้งานที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่าและใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปทำงาน กระเป๋าใบนี้ก็เอาอยู่ในทุกลุค วัสดุหลักของรุ่นนี้จะทำมาจากแคนวาส (Canvas) ดังนั้นจึงจะมีความทนทานเป็นอย่างมาก ไม่ต้องคอยกังวลเวลาใช้งานว่าจะเกิดร่องรอยต่าง ๆ หรือไม่ อีกทั้งบริเวณสายของตัวกระเป๋าใบนี้ยังสามารถปรับระดับได้ตามที่ผู้ใช้งานต้องการได้อีกด้วย บริเวณด้านในของตัวกระเป๋ามีช่องใส่ของค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงสามารถใส่ของเยอะ ใครที่กำลังตามหากระเป๋าที่มีความคลาสสิก วินเทจ และต้องการกระเป๋าที่สามารถใช้งานได้นานแนะนำใบนี้เลย
YSL WALLET ON CHAIN
EVERYDAY BAG ขวัญใจสาว ๆ อีกใบที่ควรมี YSL WALLET ON CHAIN หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อรุ่น WOCดีไซน์ของตัวกระเป๋ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังพอดี สามารถถือเป็น Clutch และสามารถสะพายเป็น Crossbody ได้ โดยกระเป๋ารุ่นนี้จะมีอยู่ 2 ขนาดด้วยกันนั่นคือขนาด 7.5 (19 x 12.5 x 3.5 ซม.) และขนาด 9 (22.5 x 14 x 4 ซม.) โดยวัสดุที่ใช้ในรุ่นนี้จะเป็นหนังลูกวัว พิมพ์นูนจนกลายเป็น Grained Calfskin ตัวกระเป๋าเป็นลวดลาย Chevron และมีโลโก้ YSL ตัวย่อของแบรนด์ประดับอยู่บริเวณหน้ากระเป๋าซึ่งจะมีให้เลือกกันทั้งอะไล่สีทองและอะไหล่สีเงิน
ความแตกต่างของขนาด 7.5 และขนาด 9 อยู่ที่ภายในกระเป๋า โดยขนาด 7.5 ภายในจะมีช่องกว้าง 1 ช่องใหญ่ และมีช่องซิป 1 ช่อง ส่วนขนาด 9 จะมีช่องกว้างขนาดใหญ่ 2 ช่อง และมีช่องซิป 1 ช่อง ในส่วนของสี YSLWOC มีสีให้เลือกที่หลากหลายถึง 10 สีด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม YSL WOC จึงกลายเป็นกระเป๋าอีกใบที่ติดอันดับกระเป๋าขายดีในครั้งปีแรกนี้
GUCCI MARMONT
ลูกรักที่ครองใจสาวกแบรนด์เนมรวมถึงเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรกของใครหลาย ๆ คนต้องใบนี้ GUCCI MARMONT ด้วยขนาดที่มีให้เลือกที่หลากหลาย รวมถึงลวดลาย ฝีมือการตัดเย็บทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผ่านไปกี่ปีกระเป๋าใบนี้ก็ยังคงติดท็อป 5 กระเป๋าที่ขายดีอยู่เสมอ โดยกระเป๋าใบนี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากหัวเข็มขัดของแบรนด์ เป็นตัวอักษร Double G ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ล้นหลามในช่วงเวลานั้น
วัสดุหลักของกระเป๋าใบนี้ทำมาจากหนังลูกวัว (Calfskin) พิมพ์ลวดลาย Chevron ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Gucci ตัวอะไหล่เป็นสีทองวินเทจ ตัวสายจะมีลักษณะเป็นสายโซ่ที่ค่อนข้างหนา สามารถปรับสะพายได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้ ด้านในมีช่องกว้าง 1 ช่องบุด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ โดยขนาดจะมีให้เลือกกันถึง 4 ขนาดด้วยกันได้แก่Super mini, mini, Small, Medium ความนิยมที่ได้รับอย่างล้นหลามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า Gucci Marmont เป็นกระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่ถือว่าเป็นกระเป๋าใบตำนาน ต่อให้ผ่านไปกี่ปี กระเป๋าใบนี้ถ้ามีติดบ้านไว้อย่างไรก็ไม่มีทางเสียใจแน่นอน