กระเป๋าราคาสูงเสียดฟ้า เสื้อผ้าหรูหรามีระดับ เครื่องประดับราคาไม่ต่ำกว่าหกหลักมาพร้อมกล่องสีส้มสะดุดตา ทั้งหมดทั้งมวลนี้คล้ายกับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ฝรั่งเศสระดับโลกอย่าง Hermès ไปเสียแล้ว ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ราคาของสินค้าจะสูงเพียงไหน แบรนด์อาชาจากฝรั่งเศสแบรนด์นี้ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดไม่มีเปลี่ยนแปลง
วันนี้ Bagnifique จึงจะพาทุกคนมาย้อนเวลากลับไปถึงจุดเริ่มต้นของ Hermès ที่ใครจะรู้ว่าจากธุรกิจอานม้าในวันนั้นจะก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของแบรนด์ระดับโลกอย่างเช่นทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของ Hermès
เกิดจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองเครเฟลด์หรือเมืองที่ได้รับฉายาว่า “City of Velvet” (เมืองกำมะหยี่) ในประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับอิทธิพลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ การผลิต การพิมพ์ลาย ตลอดจนถูกหล่อหลอมด้วยงานศิลปะจากสภาพแวดล้อมที่เป็นเหมือนพื้นฐานให้กับชีวิตของเขา โดยชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้คือ Thierry Hermès
จุดพลิกผันของ Hermès
เมื่อ Thierry Hermès เติบโตขึ้น ในปี 1828 เขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของกรุงปารีสและในปีนั้นเองที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ Hermès อย่างจริงจัง เนื่องด้วยในยุคนั้นการเดินทางต่าง ๆ ยังคงใช้ม้าเป็นพาหนะ เขาจึงได้ใช้ประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอที่สั่งสมมาแต่เด็กผนวกเข้ากับการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับม้าและเครื่องหนัง ทำให้ผลงานของเขาโดดเด่นเป็นอย่างมาก
Hermès กับชื่อเสียงระดับโลก
ในปี 1837 Hermès ได้มีการเปิดร้านแฮร์เมสเวิร์กช็อปขึ้นในกรุงปารีสโดยแค่ช่วงแรกสินค้าภายในร้านมีเพียงเครื่องหนังและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขี่ม้าเท่านั้น เพื่อทำการจัดจำหน่ายให้แก่ชนชั้นสูงหรือมหาเศรษฐีที่ต้องการมีของเครื่องใช้แบบที่ไม่เหมือนบุคคลอื่นทั่วไป ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างมีระดับทำให้ Hermès กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนชนชั้นสูงและติดระดับต้น ๆ ของแบรนด์ระดับโลกและชื่อเสียงของแบรนด์นี้ก็ได้แผ่ขยายไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา
จากอานม้าสู่กระเป๋าหนังสุดหรู
อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานของ Hermès คือเมื่อปี 1956 นิตยสารไลฟ์ได้เปิดเผยภาพ Grace Kelly คู่หมั้นของเจ้าชาย Rainier ที่เธอได้นำกระเป๋าของ Hermès มาปิดบริเวณครรภ์ของเธอไว้ ทำให้เป็นที่ฮือฮาและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากจนทางแบรนด์ได้เห็นถึงโอกาสจึงได้ทำการตั้งชื่อกระเป๋ารุ่นนี้ว่า “Hermès Kelly” นับตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน กระเป๋ารุ่นนี้ก็ยังคงเป็นตำนาน เป็น Iconic และที่ต้องการของใคร ๆ หลาย ๆ คน
จุดเด่นในกระเป๋าของ Hermès
ด้วยจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ตั้งแต่ทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองคนชนชั้นสูงทำให้การตัดเย็บหรือทุกขั้นตอนกระบวนการมีความประณีต ละเอียดเป็นอย่างมาก โดยกระเป๋า Hermès ทุกใบจะต้องถูกตัดเย็บด้วยช่างฝีมือที่ผ่านการอบรมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปีและต้องมีใบประกาศณียบัตรยืนยันเพื่อแสดงให้เห็นว่าช่างคนนั้นมีคุณภาพ มีฝีมือมากเพียงพอ มากไปกว่านั้นหากกระเป๋าของคุณชำรุดเสียหาย หรือมีส่วนที่ต้องได้รับการซ่อมแซม ผู้ที่จะซ่อมแซ่มกระเป๋าให้แก่คุณได้ก็คือช่างคนเดิมที่ผลิตกระเป๋าใบนั้นออกมา
Hermès ในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน Hermès ได้มีการผลิตสินค้าที่หลากหลายออกมาขายมากขึ้น มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า ผ้าพันคอ เน็คไท และของตกแต่งบ้าน โดยมูลค่าการตลาดของแบรนด์มีมากกว่า 1.63 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐจากการประเมินของเว็บไซต์ Interbrand ในปี 2018 และในปี 2019 นิตยสารระดับโลกอย่าง Forbes ได้จัดอันดับให้ Hermès กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก