Last updated: 24 Sep 2022 | 31341 Views |
ตัวอักษร GG อันโดดเด่น สีเขียวแดงอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการยืนระยะของแบรนด์ที่มีมานานเกือบ 100 ปีจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์ GUCCI ถึงกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์หรูระดับโลก ความนิยมที่มีมากก็ย่อมตามมาด้วยการเลียนแบบอย่างแยบยล วันนี้แบคนิฟิคจึงจะพาทุกมาเช็กแท้ปลอมกระเป๋า GUCCI ด้วยกัน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสักใบเพื่อที่จะได้ไม่เสียใจในภายหลังว่าของชิ้นนั้นเป็นของปลอม
1. เช็ก LOGO
สัญลักษณ์ GG อันโดดเด่นถือเป็นสิ่งแรกที่ควรเช็กเมื่อทำการซื้อกระเป๋าจากแบรนด์นี้สักหนึ่งใบ โดยโลโก้ตรงนี้อาจจะปรากฏต่างกันตามรุ่นและดีไซน์ของกระเป๋า แต่หากเป็นกระเป๋าของแท้จจากแบรนด์ GUCCI ทางแบรนด์จะมีมาตรฐานคือ เป็นตัวอักษร G สองตัวที่เชื่อมติดกัน มีตำแหน่งจัดวางที่สมมาตร ไม่เบี้ยวไม่เอียง และตัว G นั้นจะต้องมีความโค้งมนคล้ายกับตัว O
2. เช็ก Material
วัสดุที่นำมาใช้ในการทำกระเป๋าของ GUCCI เป็นวัสดุที่ได้รับมาตรฐานและมีคุณภาพสูง ดังนั้นในเรื่องของ Material ก็เป็นสิ่งที่สามารถเช็กได้ โดยวัสดุยอดนิยมที่นำมาเย็บกระเป๋าของแบรนด์นี้ก็คือผ้า Canvas พิมพ์ลาย GG Monogram ซึ่งหากเป็นของแท้ลาย GG ที่พิมพ์อยู่บนกระเป๋าจะต้องเชื่อมต่อกันโดยที่ตัว G ทั้งสองตัวจะหันหน้าหากันและกลับหัวชนกัน ตัว G ทั้งสองจะต้องมีขนาดที่เท่ากันไม่มีความเหลื่อมล้ำ
3. เช็ก Label Tag
Label Tag ที่อยู่ภายด้านในกระเป๋าถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ เพราะหากกระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋า GUCCI ของแท้แผ่นหนังเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านในกระเป๋าจะต้องมีอักษร R และวงกลมล้อมรอบประทับอยู่ เพราะเป็นเครื่องหมายการค้า บรรทัดถัดมาจะมีคำว่า GUCCI ที่พิมพ์ด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ขนาดเท่ากันทุกตัวอักษร ลักษณะของตัว C และ G จะมีความมนกลมจนเกือบคล้ายตัว O บรรทัดถัดมาเป็นคำว่า made in Italy ที่พิมพ์ด้วยอักษรพิมพ์เล็กทุกตัว คมชัด ไม่มีตำหนิร่องรอยแก้ไข เว้นช่องไฟในระยะเท่า ๆ กัน หรือหากกระเป๋าใบนั้นมาจาก Outlet ก็จะมีอักษรตัว G พร้อมวงกลมที่ประทับอยู่ด้านข้างของตัว R เพราะ GUCCI มีมาตราการว่าหากเป็นของจาก Outlet จะไม่สามารถนำมาเปลี่ยนคืนหรือแลกคืนได้
4. เช็ก Serial Number
ในส่วนตรงนี้จะเป็นตัวเลขทั้งหมด 10 – 13 ตัว โดยจะแบ่งเป็น 2 แถว แถวด้านบนเรียกว่า Model Number เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงรุ่นของกระเป๋า ว่ากระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋ารุ่นไหน ตัวเลขสามารถซ้ำกันได้ ส่วนด้านล่างเรียกว่า Serial Number คือเลขเฉพาะของกระเป๋าใบนั้น ๆ เลขจะไม่สามารถซ้ำกันได้ และตัวเลขทั้งหมดจะต้องเท่ากัน มีการเว้นระยะที่เท่ากัน แต่เมื่อเป็นกระเป๋ารุ่นใหม่ ๆ มักจะมี Code Tag ที่เป็นแผ่นผ้าใบเล็ก ๆ เย็บติดกับมุมกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่ง ระบุตัวเลขรวมตัวอักษรทั้งหมด 10 ตัว และมี QR CODE ที่มีความชัดเจน ตัวอักษรไม่เลือนลาง
5. เช็ก Hardware
อีกหนึ่งสิ่งที่ชี้วัดความแท้ปลอมได้คืออะไหล่ เพราะอะไหล่ของ GUCCI จะเป็นอะไหล่ที่ทำจากทองคำหรือทำจากโลหะแข็งที่มีคุณภาพเท่านั้น รวมทั้งตัวซิปหรือในส่วน Hardware ชิ้นอื่น ๆ จะมีการแกะสลักเครื่องหมาย GUCCI หรือ GUCCI made in Italy โดยตัวอักษรจะต้องเป็นตัวอักษรที่มีความคมชัด ไม่มีความเลื่อมล้ำ ไม่เท่ากัน และช่องไฟก็มีการเว้นระยะอย่างได้มาตฐาน
6. เช็ก Stitching
เพราะรายละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับแบรนด์ระดับโลก ดังนั้นกระเป๋าทุกใบจึงถูกตัดเย็บอย่างประณีตด้วยช่างฝีมือที่มีคุณภาพและประสบการณ์หลายปี จะไม่มีรอยเย็บที่บิดเบี้ยวหรือรอยด้ายที่หลุดรุ่ย ถึงแม้ว่ากระเป๋าใบนั้นจะทำจากแคนวาส (Canvas) รอยเย็บทุกรอยบนกระเป๋าก็ต้องเรียบร้อยมีคุณภาพเช่นกัน รวมถึงด้ายที่ใช้ก็จะต้องเป็นสีเดียวกับวัสดุกระเป๋า
7. เช็ก Dust Bag
ถุงกันฝุ่นเป็นอีกสิ่งที่จะให้มาพร้อมกับกระเป๋าดังนั้นสิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถเช็กความแท้ปลอมได้ โดยปัจจุบันถุงกันฝุ่นของ GUCCI จะมีอยู่ 3 รูปแบบ
· ถุงกันฝุ่นสีน้ำตาลที่พิมพ์ตัวอักษรโลโก้ GUCCI สีทอง ด้านหน้าของถุง
· ถุงกันฝุ่นสีดำที่พิมพ์ตัวอักษรโลโก้ GUCCI สีทอง ด้านหน้าของถุง
· ถุงกันฝุ่นสีขาวที่พิมพ์ตัวอักษรโลโก้ GUCCI สีดำปักอยู่บนป้ายผ้าพื้นสีขาว เย็บติดอยู่บริเวณด้านหน้าของถุง
17 Jan 2024
17 Jan 2024